15 กรกฎาคม 2567
ผู้ชม 2838 ผู้ชม
Swanson EFAs MultiOmega 3-6-9 (Flax, Borage, Fish) 1,200 mg / 220 Sgels
Swanson EFAs MultiOmega 3-6-9 (Flax, Borage, Fish) 1,200 mg / 220 Sgels สุดยอดสูตรเข้มข้นจากธรรมชาติของโอเมก้า 3-6-9 เป็นน้ำมันสกัดมาจากแหล่งที่ดีที่สุดจากบกและทางทะเล (Borage Oil (GMO free)+Fish Oil 18/12 (GMO free)+Flax Oil (GMO free) ) ให้ความสมดุลและเสริมฤทธิ์กันอย่างลงตัวของกรดไขมันที่จำเป็นโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ด้วยสูตรที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบของ Swanson MultiOmega 3-6-9! สูตรพิเศษนี้ ช่วยในการลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ บำรุงหัวใจ, ผิวหนังและลดภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ บำรุงเส้นผม การผสมผสานเอกลักษณ์ OmegaTru blend จะช่วยให้ความสมดุลของกรดไขมันที่เหมาะกับร่างกายเพื่อให้ตรงกับความต้องทาง โภชนาการของร่างกายมนุษย์
จำแนกประโยชน์ของโอเมก้าแต่ละชนิดใน Swanson EFAs Multi Omega 3-6-9 (Flax, Borage, Fish)
โอเมก้า 3 (Omega 3)
พบมากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน และปลาแมคเคอเรล ซึ่งมีไขมันที่เรียกว่า Fish Oil (น้ำมันปลา ไม่ใช่น้ำมันตับปลา) สาระสำคัญที่อยู่ในกลุ่ม Omega-3 แบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ คือ EPA และ DHA ซึ่งร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้
กลไกของกรดไขมัน omega-3 ในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดมีอยู่หลายประการ เช่น EPA จะเป็นสารตั้งต้นในการ สร้าง eicosanoids โดยเฉพาะอย่างยิ่ง series-3 prostaglandins และseries-5 leucotriene (LTB-5) ซึ่งสารหลาย ๆ ตัวในกลุ่มดังกล่าวจะช่วยลดการจับตัวกันของเกล็ดเลือดทำให้เกิดลิ่มเลือดได้ ช้าลง จึงช่วยลดความเสี่ยงของอันตรายจากโรคหัวใจและ หลอดเลือด นอกจากนี้กรดไขมัน omega-3 ยังช่วยเพิ่มความลื่นไหลของผนังเซลล์ อาจจะมีผลช่วยสาร Endothelium สารEndothelium Derived Releasing Factor (EDRF) ในการลดความดันโลหิต และลดการสร้าง Triacylglycerols และ triglycerides ในตับส่งผลให้ cholesterol และ lipoprotein LDL ลดลง
ในกรณีของโรคข้ออักเสบ พบว่า EPA ลดการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ เนื่องจากปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในกระบวนการที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ได้แก่ series-4 leucotriene (LTB-4) ซึ่งเนื้อเยื่อในร่างกายสามารถสร้างได้จากกรดไขมัน omega-6 แต่ถ้าเป็นกรดไขมัน omega-3 หรือ EPA แล้วร่างกายจะสร้างเป็น LTB-5 แทน ซึ่งไม่มีผลร้ายต่อร่างกาย
EPA จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ การสังเคราะห์ prostaglandin และลดการหลั่ง serotoninของเกร็ดเลือด ทำให้การรวมกลุ่มของเกร็ดเลือดลดลง ในระยะที่มีการบีบตัวของหลอดเลือดในสมองดังนั้นการให้ EPA จะสามารถลดอาการของไมเกรนลงได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามการใช้กรดไขมัน omega-3อาจจะมีปัญหาในผู้ที่ป่วยด้วยโรคบางประเภท เช่น ในกรณีของผู้ที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งinsulin (NIDDM) พบว่าอาจจะทำให้การ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดทำไม่ได้ เนื่องจากเชื่อว่าจะเกิด
glycerol จากการย่อยสลายน้ำมันปลาผ่านเข้าสู่กระบวนการสร้าง glucose (gluconeogenesis) มากขึ้นระดับ glucose จึงสูงขึ้นถึงระดับที่ควบคุมไม่ได้
ในด้านพัฒนาการของร่างกายมีราย งานว่าพบกรดไขมัน DHA สะสมอยู่มากที่บริเวณสมองและเรตินาของดวงตา และยังพบว่าในน้ำนมมารดาก็มี DHA สูงเช่นกัน จึงเชื่อว่า DHA จะมีผลต่อการพัฒนาของสมองและการมองเห็นของทารก จึงมีข้อแนะนำให้เสริม DHA ในนมสูตรที่ใช้เลี้ยงทารกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า DHA อาจจะช่วยแก้โรคความจำเสื่อมชนิด Alzeimer’s disease ได้และยังจะลดอาการซึมเศร้าในคนชราที่มี cholesterol ต่ำด้วย
ประโยชน์ ของ Omega3
1.ลดการเกิดลิ่มเลือดในเลือด
2.ช่วยควบคุมไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด
3.ช่วยควบคุมความดันโลหิต
4.ช่วยควบคุมอาการอักเสบ ปวด บวม อาการปวดข้อรูมาตอยด์
5.ป้องกันการอักเสบของอวัยวะต่างๆ และโรคผิวหนังบางชนิด
6.ลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตันเฉียบพลัน
7.ลดความหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น
8.มีกรดไขมัน DHA ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและเรตินาของดวงตา
โอเมก้า 6 (Omega 6)
เราสามารถพบได้ในน้ำมันพืชและถั่วชนิด ต่างๆ ในขณะที่กรดโอเมก้า-3 นั้นจะพบได้ในปลาต่างๆ เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า และในกรดโอเมก้า-6 นั้นยังมีกรดไขมันแบบไม่อิ่มตัวหรือ Polyunsaturated fatty acids (PUFA) ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย การทำงานของสมองและหัวใจ
กรดโอเมก้า-6 นั้น ร่างกายของคนเราไม่สามารถผลิตไขมันไม่อิ่มตัวเหล่านี้ขึ้นเองได้ จึงจำเป็นต้องรับจากอาหาร นักวิจัยแนะนำว่า เมื่อประกอบอาหารเราจึงควรใช้ไขมันแบบไม่อิ่มตัวทดแทนไขมันอิ่มตัวซึ่งเป็น ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู เนย ครีม เป็นต้น
ผลงานการวิจัยในครั้งนี้ถูกเปิดเผยโดย Dr.William Harris เผยแพร่ในวารสาร Journal of the American Heart Association กล่าวว่า การได้รับปริมาณกรดโอเมก้า-6 นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละเพศ วัย อายุ และลักษณะกิจกรรมที่ทำ แต่โดยมากจะอยู่ที่ระหว่าง 12-22 กรัมต่อวัน แต่จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของการวิจัยนี้ก็เพื่อที่จะออกมาบอกให้คนรับ ทราบว่า การเพิ่มอาหารที่มีโอเมก้า-6 เข้าไปในอาหารที่เรารับประทานเป็นประจำนั้น สามารถช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดหัวใจได้อย่างง่ายดาย แต่จากกลุ่มตัวอย่างที่ร่วมการทดลอง พิสูจน์ให้เห็นว่า กลุ่มตัวอย่างที่รับประทานอาหารโอเมก้า-6 นั้น เป็นโรคหัวใจในระดับที่ต่ำกว่า และตัวเลขแสดงจำนวนครั้งที่เกิดหัวใจวายต่ำกว่า ส่วนในการวิจัยอีกกลุ่มหนึ่งก็พบว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจนั้นมีระดับกรดไขมันโอเมก้า-6 ในเลือดต่ำกว่าคนปกติที่มีสุขภาพดี Dr.William Harris กล่าวว่า เมื่อเราหันมารับประทานอาหารที่มี โอเมก้า-6 แทนไขมันอิ่มตัว ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดจะลดลง และนี่เองที่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภค โอเมก้า-6 มีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงกว่า
โอเมก้า 9 (Omega 9)
ถ้าจะกล่าวว่าการพบกรดไขมันที่จำเป็น สำหรับร่างกายมนุษย์ทั้ง 3 ชนิด คือ โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 อยู่ด้วยกันในน้ำมันจมูกข้าวเป็นเรื่องอัศจรรย์ก็กล่าวได้เพราะพืชในโลกนี้ นับล้านๆ ชนิด จะหากรดไขมันทั้ง 3 ชนิดอยู่รวมกันน้อยมาก แต่สำหรับน้ำมันจมูกข้าวซึ่งสกัดจากจมูกข้าวและรำข้าวได้พบกรดไขมันทั้ง 3 ชนิดอยู่ด้วยกันในอัตรา 1:2:1 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมสำหรับร่างกาย ดังนั้นการรับประทานน้ำมันจมูกข้าวจึงได้กรดไขมันที่สำคัญทั้ง 3 ชนิดอย่างเพียงพอ สำหรับโอเมก้า 9 หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เลซิติน ที่พบในน้ำมันจมูกข้าว มีหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ลดคอเลสเตอรอลโดยรวม ทำให้เส้นเลือดไม่อุดตัน ไม่เป็นโรคหัวใจ บำรุงสมองช่วยให้ความจำดี ไม่เป็นโรคสมองเสื่อม ไม่เป็นโรคพากินสันส์ และเลซิตินยังช่วยลดความอ้วนได้ดีด้วย
- Nature's best oils from land and sea
- Combines flax, borage and fish oils
- Delivers a synergistic balance of omega-3 and omega-6 essential fatty acids
Supplement Facts
Serving Size 2 SoftgelsServings Per Container 110Amount Per Serving | % Daily Value | |
---|---|---|
Calories | 25 | |
Calories from Fat | 20 | |
Total Fat | 2 grams | 3%† |
Cholesterol | 5 mg | 1%† |
Protein | <1 gram | |
Vitamin E (from mixed tocopherols) | 20 IU | 67% |
Borage Oil (GMO free) | 800 mg | * |
Typical Fatty Acid Profile: | ||
Omega-6—Linoleic Acid 30–40% | ||
Omega-6—GLA (gamma-linolenic acid) 19–26% | ||
Omega-9—Oleic Acid 12–18% | ||
Fish Oil 18/12 (GMO free) | 800 mg | * |
Typical Fatty Acid Profile: | ||
Omega-3—EPA (eicosapentaenoic acid) 12–22% | ||
Omega-3—DHA (docosahexaenoic acid) 10–14% | ||
Flax Oil (GMO free) | 800 mg | * |
Typical Fatty Acid Profile: | ||
Omega-3—ALA (alpha-linolenic acid) 40–60% | ||
Omega-6—Linoleic Acid 12–18% | ||
Omega-9—Oleic Acid 12–18% |
คำเตือน
- ผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวข้างต้นไม่ใช่ ผลิตภัณฑ์ที่จัดว่าเป็นยา จึงไม่ได้มีสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆได้ และการได้รับสารอาหารต่างๆควรได้จากการบริโภคอาหารหลักที่หลากชนิด ครบทั้ง 5 หมู่ เป็นสัดส่วนที่พอเหมาะ ผลการใช้อาจให้ผลที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ควรเก็บไว้ในที่ร่มให้พ้นแสงแดดและความร้อน และ โปรดอ่านคำเตือนบนฉลากผลิตภัณฑ์หรือเอกสารกำกับผลิตภัณฑ์ก่อนใช้